วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ผ้าไทย

การใช้ผ้านี้ในบางโอกาสก็มีกฎเกณฑ์ด้วยเช่นกัน ซึ่งบางอย่างเป็นประเพณีมาแต่เดิมและบางอย่างก็เป็นความเชื่อถือว่าดีเป็นมงคล เป็นต้นว่า เวลาไปฟังเทศน์ พระเจ้าแผ่นดินและเจ้านายมักทรงชุดขาวเวลาออกศึกจะฉลองพระองค์ตามสีว ันอย่างครั้งกรุงศรีอยุธยาแต่สำ หรับผู้หญิงที่มิได้ไปศึกสงคราม ก็มีการนุ่งห่มใช้สีสันไปอีกแบบหนึ่งโดยเฉพาะ อย่างหญิงสาวชาววังนั้นนิยมนุ่งห่มด้วยสีตัดกัน ไม่นิยมใช้สีเดียวกันทั้งผ้านุ่งและสไบดังนี้
วันจันทร์
นุ่งเหลืออ่อน ห่มน้ำเงินอ่อนหรือห่มสีบานเย็น นุ่งสีน้ำเงินนกพิราบ ห่มจำปาแดง (สีดอกจำปาแก่ ๆ)
วันอังคาร
นุ่งสีปูนหรือม่วงเม็ดมะปราง ห่มสีโศก (สีเขียวอย่างสีใบโศกอ่อน) นุ่งสีโศกหรือเขียวอ่อน ห่มม่วงอ่อน
วันพุธ
นุ่งสีตะกั่วหรือสีเหล็ก ห่มสีจำปา
วันพฤหัสบดี
นุ่งเขียวใบไม้ ห่มแดงเลือดนก นุ่งแสด ห่มเขียวอ่อน
วันศุกร์
นุ่งน้ำเงินแก่ ห่มเหลือง
วันเสาร์
นุ่งม่วงเม็ดมะปราง ห่มสีโศก นุ่งผ้าลายพื้นม่วง ห่มสีโศก
วันอาทิตย์
จะแต่งเหมือนวันพฤหัสบดีก็ได้คือ นุ่งเขียวห่มแดง หรือนุ่งผ้าลายพื้นสีลิ้นจี่ หรือสีเลือดหมู ห่มสีโศก
เวลาไว้ทุกข์
นุ่งผ้าลายพื้นม่วง ห่มสีนวล
ผู้หญิงชาววังคงนิยมนุ่งดังนี้เรื่อยมา คนไทยมิได้ใช้สีดำเป็นสีไว้ทุกข์แต่อย่างใด คนไทยมานิยมตามแบบยุโรป คือใช้สีดำล้วนเมื่อรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 พวกที่มิได้อยู่ภายในวังก็มิ ได้ปฎิบัติตามความนิยมที่ใช้สีน ุ่งห่มประจำวัน คือ อยากจะนุ่งห่มสีอะไรก็ได้หรือใช้สีเดียวกันทั้งชุดก็ได้ ไม่มีกฎเกณฑ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น